บอกเล่าประสบการณ์


 
 
 จุดประสงค์ของการรีวิวศัลยกรรมหน้าอกครั้งนี้... ไม่ได้ทำเพื่อการส่งเสริมหรือสนับสนุนให้ใครไปเสริมหน้าอกแบบเรานะ แต่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มีความจำเป็นต้องเสริมจริงๆและเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับคนที่ต้องการหาข้อมูลในเรื่องนี้... หากมันมีภาพไม่เหมาะสมไปบ้างก็ขออภัยไว้นะคะ

แรงบันดาลใจ : เกิดจากการที่ตัวเองหน้าอกเล็กมากและค่อนข้างต่ำ เพราะติดนิสัยนอนคว่ำมาแต่เล็กๆ เลยต้องการที่จะเสริมสร้างความมั่นใจและบุคลิกภาพให้ใส่เสื้อผ้าและดูดึขึ้น ใช้เวลาหาข้อมูลมากว่าห้าปี ถึงได้ตัดสินใจทำ...

 


การเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการผ่าตัดของเราก็วางแผนไว้ตามนี้นะคะ
1. หาข้อมูลเบื้องต้นทั้งหมดเกี่ยวกับทำศัลยกรรมหน้าอก
    ทั้งโรง พยาบาลชั้นนำ และแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
   (step นี้ใช้เวลานาน มากกก)
2. เตรียมข้อคำถามเกี่ยวกับการผ่าตัดในการปรึกษาหมอ
    • ราคา
    • การพักฟื้น
    • การดมยาสลบ
    • ชนิดของซิลิโคน
    • ลักษณะการวางซิลิโคน
    • ขนาดของซิลิโคน
    • แผลผ่าตัด
3. ตัดสินใจเลือกแพทย์ สถานที่
4. หาฤกษ์มงคลในการผ่าตัด
5. เก็บตังค์เพื่อเสริมงามครั้งใหญ่
6. เร่งทำบุญเพื่อให้ผลการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี 

ภาพประกอบเล็กน้อยนะคะอันนี้ขนาดหน้าอกที่เราอยากได้หนะค่ะ

STEP 1 : เราย่อมาให้เพื่อนๆเลยแล้วกันนะคะ เพราะถ้าให้สาธยายทั้งหมดกลัวว่าจะหลับกันสะก่อนเราได้เลือกแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางศัลยกรรมโดยเฉพาะเป็นอาจารย์หมอของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบแพทยศาสตร์จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกรียตินิยมอันดับ 2)
"นพ. พีระ เทียรไพฑูรย์" หมอที่โด่งดังจากเวบ thailadyboy และ bbznet.com หมอพีระ มีคำตอบทุกอย่างให้อย่างที่เราต้องการ
หมอใจเย็นกับการตอบทุกคำถาม และให้ข้อมูล หมอเป็นท่านสุดท้ายที่เราเข้าพบเพื่อปรึกษาเรื่องศัลยกรรมแต่เป็นหมอท่านเดียว ที่เรารู้สึกไว้ใจที่จะทำด้วย เราเลยตกลงปลงใจผ่าตัดกับหมอ @Nonthavej (งามวงศ์วาน)


STEP 2 : ปรึกษาเรื่องรายละเอียดของหน้าอกและหน้าอกใหม่ที่เราจะได้จากการศัลยกรรมครั้งนี้หมอพีระ ให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมานะคะ ไม่มีแอ๊บว่าผลของอกเราจะออกมาได้แค่ไหน... ความงามของหน้าอกก็ขึ้นอยู่กับทุนเดิมที่เรามีด้วยหน้าอกเราแบนและ nipple ค่อนข้างต่ำทำให้ไม่มีเนินอกเลแต่เราก้อขออกเนินสวยๆกับหมอ และขออกชิดๆไม่ห่างเป็นวา หมอจึงเลือกต้องเลือกซิลิโคน ขนาด 275CC ให้เรา เพื่อให้มีเนินอกตามต้องการ ยิ่งเลือกขนาดซิลิโคนเล็กหน้าอกก็จะห่างออกไป (อันที่จริงคุณหมอเน้นให้ขนาดธรรมชาติที่สุด แต่ก็ขึ้นอยู่กับเราด้วยว่าอยากได้ตรงไหนเป็นพิเศษ)
 

ซิลิโคนที่หมอเลือกใช้คือยี่ห้อ MENTOR เท่านั้นซึ่งเป็นซิลิโคนนำเข้จากอเมริกาที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุด และมีคุณภาพที่สุดในตอนนี้ จะเรียกว่าเกรดเอก็ว่าได้
ถ้ามีการชำรุดของซิลิโคนเค้ามีการคืนเงินให้ชดใช้ค่าเสียหาย



ซึ่งหลังผ่าตัดหมอก็จะส่งรายละเอียดการรับประกันไปทาง MENTOR ให้
หลังผ่าตัดคุณหมอจะฝากกล่อง MENTOR ไปให้เพื่อให้เรามั่นใจว่าหมอไม่ได้ใส่ซิลิโคนจีน เกาหลีอะไร ในร่างกายเรา


ส่วนซิลิโคนที่หมอเลือกให้เราคือ "ซิลิโคนผิวถุงทราย"
ซิ่งปัจจุบันจะมีซิลิโคนแบบผิวเรียบ ถุงทราย และน้ำเกลือ


หมอเลือกซิลิโคนผิวถุงทราย เพราะทางวงการแพทย์
เชื่อว่า ซิลิโคนผิวทรายจะสามารถรลดอัตราการเกิดพังพืดรัดดตัว
จนทำให้เต้านมแข็งทื่อได้มากที่สุด ในบรรดาซิลิโคนชนิดต่างๆ


ต่อไปก็คือเรื่องการตำแหน่งการวางซิลิโคนนะคะ เราเองก็กังวลเรื่องถ้าต่อไปในอนาคตมีลูกจะให้น้ำนมได้ตามปกติรึปล่าว หมอก็บอกเรื่องการเสริมอกจะอยู่แยกส่วนกับต่อมการผลิตน้ำนมเลย ซึ่งจะสามารถให้นมบุตรได้ตามปกติแน่นอ  โดยทั่วไปการเสริมอก มีตำแหน่งการวางสองที่นะคะ เหนือกล้ามเนื้ออกและใต้กล้ามเนื้ออกหมอเลือกใต้กล้ามเนื้ออกให้ เพราะลดโอกาสเสี่ยงพัดพืดรัดตัวลดการคลำเจอขอบซิลิโคน


...แต่ข้อเสียคือหลังผ่าตัดจะเจ็บมากกว่า...

 
ต่อไปก็ลักษณะของแผลผ่าตัดนะคะ หมอจะเซฟให้คนไข้มากที่สุด ฉะนั้นหมอจะเลือกแผลใต้รักแร้เท่านั้น ซึ่งอันที่จริงทำได้หลายบริเวณ คือ ปานนม รักแร้ ฐานนม แต่หมอแนะนำว่าผิวเอเชียไม่ควรเสี่ยงทำบริเวณอื่น  เนื่องจากผิวเอเชียบางจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นชัดเกินไป


• การตำแหน่งการวางซิลิโคน • ลักษณะของแผลผ่าตัด

พอคุยเรื่องรายละเอียดของเต้านมเรียบร้อย ก็ต่อด้วยราคาเหมารวมที่รพ.นนเวช ถ้างบน้อยหมอมีทางเลือกให้ที่ที่รพ.เซนต์คาลอส (รังสิต) เราถูกโฉลกกันนนทเวชไปสะแล้วเลยเลือกทำที่นี่ เพราะเค้าเป็น รพ.ห้าดาว ปีล่าสุด รู้สึกอบอุ่นใจกว่า เลยตกลงใจที่นี่
อีกอย่าง.. หากเกิดอะไรฉุกเฉินตอนกลางคืนหมอจะมาได้สะดวกกว่า เพราะหมอบ้านใกล้นนทเวชมาก

อีกหนึ่งข้อกังวลใจของเรามากกก ก็คือเรื่องการดมยาสลบ..การดมยาสลบมีผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรงในรายที่แพ้ เราเองก็ไม่เคยเข้าผ่าตัดเข้าโรงพยาบาลมาก่อน เลยกังวลใจว่าตัวเองจะแพ้การดมยารึปล่าว กลัวตื่นมาจะอาเจียนหนักเหมือนหลายคนๆที่เคยเล่าให้ฟัง คิดดูสิ เกิดตื่นมาระบมหน้าอกแทบลุกไม่ได้ไม่พออาเจียนหนักอีกต้องอ้วกรดตัวเอง.. โอ๊ย แค่คิดก็จะยอมหน้าอกเล็กต่อไปแล้วล่ะค่ะ

 

แต่หมอก็ทำให้เราคลายกังวล เพราะหมอบอกว่าเป็นทีมประจำของหมอเอง คือวิสัญญีแพทย์คู่ใจ
ว่างั้น หมอรับรองว่า ดูแลใกล้ชิดอย่างดีที่สุด
หมอเหมือนมีมนต์สะกด (อิอิ) เราก็คล้อยตามหมอ
และเกิดมั่นใจขึ้นมาว่าโอเค... คงไม่น่าห่วงมาก เมื่อหมอคุมได้เอง...


เมื่อเราตัดสินเลือกแพทย์ โรงพยาบาล วัสดุ วิธีการ เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยสำหรับเราคือเรื่อง "ดวง" และ "ฤกษ์" "
เราก็ไปหาฤกษ์กับหมอดูเจ้าประจำ  คือ ป้าพลอยแก้ว ชั้น 4 เดอะมอลล์บางกะปิ แล้วก็ ทรงท้าวเวสสุวันโณ ที่พนัสนิคม (อุตส่าห์ขับไปเพื่อการณ์นี้) หมอจะสามารถมองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่กี่เดือนได้ชัดเจนมาก  เราเลยแอบกระซิบถามว่าเราจะปลอดภัยไร้กังวล แน่นะ
ก้อได้รับคำตอบอย่างพี่พอใจเลย ขอนัดวันเวลากันหมอตามที่ได้ฤกษ์มา ตอนแรกคุณหมอไม่สะดวก แต่หมอก็น่ารักมากอุตส่าห์จัดให้ เพราะรู้ว่าเรา concern มาก.. แล้วหมอก้อแซวตลอดเลยเรื่องฤกษ์เนี่ย.. เง้อ เราผิดม๊ะเนี่ย


NEXT STEP: เตรียมบุญ
1. ปฏิบัติธรรมที่วัด 6 วัน (สะสมบุญ)
2. ใส่บาตรพระ 3 องค์สามวันต่อเนื่องจนถึงเช้าวันผ่าตัด
3. ถวายสังขทานชุดใหญ่ ผ้าไตรจีวรชุดใหญ่

ทั้งหมดนี้เพื่ออุทิศบุญกุศลให้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเทวดาทั้งหลาย และเทพเทวดาที่รักษาตัวเอง เจ้าเวรนายกรรมทั้งอดีตชาติและปัจจุบันชาติ (จริงๆแล้วแผ่ให้หมดแหละนะคะ) แล้วก็ไม่ลืมจะแผ่เมตตาให้ถึงตัวคุณหมอด้วย หมอจะได้ทำให้เราสุดฝีมือ และจะไม่ต้องมีเวรกรรมต้องมาตามแก้กัน แล้วก็ขอให้บุญกุศลที่เราทำ ทำให้ผลการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี ไม่เจ็บปวดทรมาน และเราให้สัจจะอธิษฐานไว้ว่าถ้าสวยดังใจหวังเราจะไม่ลืมที่จะทำความดีต่อไป และไม่หลง ยึดติดกับรูปร่างอย่างงมงาย....

เราเชื่อนะคะ.. บุญจะรักษาคนดีเสมอ :)


OPERATION DAY ARRIVES: (Friday 30May 2008)
• งดน้ำงดอาหารก่อนผ่าตัด 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักระหว่างการผ่าตัด เราเลยได้ทานมื้อสุดท้ายเป็น Nesvita ตอน 6 โมงเช้า
• ไปถึงโรงพยาบาลนนทเวชตอน 10 โมงเช้า เตรียมพวงมาลัยดาวเรืองไปไหว้เจ้าที่หลังโรงพยาบาล แล้วก็พวกมาลัยดอกมะลิไปไหว้
ที่ห้องพักผู้ป่วย
• แจ้งกับพยาบาลชั้น 3 เพื่อเช็คความดัน น้ำหนัก และเซ็นเอกสารยินยอมรับการผ่าตัด รวมถึงตรวจเลือด ตรวจเชื้อ HIV จ่ายเงินสดผ่านทางพยาบาล
• ลืมบอกไปนะคะ ว่าหมอเน้นว่าต้องมีคนมาเฝ้าไข้ เพราะจะลุกทำอะไรเองไม่ถนัดในวันแรก แต่พยาบาลมีอยู่แล้วตลอด 24 ชั่วโมง แต่เพื่อนจะช่วยเราได้ตอนเราหยิบจับอะไรไม่ถนัด
• หลังจากนั้นพยาบาลก็พาขึ้นไปที่ห้องพักผู้ป่วย พยาบาลที่นี่น่ารักมากๆอัธยาศัยดี ชวนคุยตลอด ช่วงคุยก็โดนคุณพยาบาลหลอกเจาะเลือดหนึ่งกระบอกโดยยังไม่ทันได้รู้สึกตัว เสร็จก็ต่อสายน้ำเกลือเข้าเส้นไปเลยทีเดียว
• หมอสั่ง ให้น้ำเกลือไว้ก่อนเพื่อให้ร่างกายไม่เพลียขณะที่เราผ่าตัดและไม่ช็อคหมดสติไปหากร่างกายขาดน้ำตาล
• 11.30น. ทุกอย่างก็เตรียมไว้พร้อมเพื่อนเราก็ไปเดินช้อปปิ้งที่เดอะมอลล์งามวงศ์วานเราเองก็รอเวลาผ่าตัด ระหว่างนั้นก็สวดมนต์ไปแทบทุกมนต์ที่มีแผ่เมตตาและหลับตาทำสมาธิพุธโธไป เรื่อยๆ
• 1.45PM. พยาบาลมาเรียกเพื่อเปลี่ยนเตียงไปห้องผ่าตัด

 

• อันนี้เป็นภาพสมมติของห้องผ่าตัดนะคะ ไม่ใช่ของจริงทางรพ. แต่อารมณ์เดียวกันเลยค่ะ ป้ายอันเบอเร่อ ที่เขียนว่า ห้องผ่าตัด OPERATION ROOM หลอนดีค่ะ • OPERATION ROOM.... โอ้ว นาทีระทึกกำลังจะมาถึงแล้วว พุทโธเข้าไว้ๆๆๆ


เปิดประตูเข้าป๊าป.. ก็เจอคุณพยาบาลอารมณ์ดีสองคน...ถามไถ่ ว่าวันนี้มาทำเคสของคุณหมออะไรเตรียมตัวพร้อมรึยังแป๊ปเดียวไม่ต้องกังวลนะอีกเดี๋ยวก้อสวยแล้ว... แล้วก้อถามว่า เจอคุณหมอพีระรึยังเช้านี้เราก็บอกว่ายัง พยาบาลอุตส่าห์ออกไปตามหมอมาให้..แต่ก้อประจวบเหมาะกับที่หมอกำลังวิ่งตาตั้งมาเลยสะพายกระเป๋าสะพายแล่งเหมือนเด็กมหาลัยเลย หมอน่ารักทีเดียว แล้วหมอมีรอยยิ้มละไมบนใบ ทั้งที่ยังเหนื่อยหอบ
และแตะที่ไหล่เราเบาๆ บอกว่า ไม่ต้องกังวลนะครับทุกอย่างจะออกมาดีที่สุด....
 

ได้ยินหมอพูดอย่างนั้นก็คลายตื่นเต้นไปอีกนิดนึง..แล้วคุณหมอก็หายไปเปลี่ยนชุดเพื่อผ่าตัดจากนั้นพยาบาลก็จัดการย้ายเตียงเราอีกรอบเพื่อผ่าตัดจริง แล้วเปิดเข้าสู่ห้องผ่าตัดจริง...โอ้วแม่เจ้า... มันช่างน่ากลัวดีจัง เหมือนในหนัง ER และ NipTuckที่เราดูใน series เลย ของจริงมันเป็นงี้นี่เอง.. โอ้วว ลุกหนีกลับบ้านตอนนี้ทันมั๊ยหนอ.. เอิ๊กๆๆ
 

ไฟดวงใหญ่ที่สาดมาบนตัวเราแขนขา ที่ต้องกางออกและถูกพันไว้ เครื่องมือวัดความดันมากมายท่อออกซิเจนที่ถูกเตรียมไว้ มีด กรรไกร ชุดที่วางเรียงรายแล้วพยาบาลก็แนะนำให้รู้จักกับวิสัญญีแพทย์คู่กายคุณหมอ ซึ่งพยาบาลก็แซวว่าหมอเค้าคัดหน้าตาเป็นหลัก ในการเลือกทีม
เพราะหมอดมยา สวยมากเลยค่ะเหมือนนางเองหนังเกาหลีหมอดมยา ก็ชวนคุย ถามว่าเคยผ่านการผ่าตัดไหมแพ้ยาอะไรรึปล่าว ที่กังวลเกี่ยวกับการดมยามีอะไรมั๊ยเราก็เน้นไปเลยค่ะ ขอไม่อาเจียนนะคะคุณหมอหมอก็ยิ้มรับคำ สักประเดี๋ยวคุณหมอพีก็เข้ามาในมาดใหม่ชุดเขียว
หมอดูดีแปลกตาไปเลยค่ะ.. ดูเป็นคุณหม๊อคุณหมอ
 

แล้วสองคุณหมอก็คุยสั่งงานกันกับพยาบาลที่เตรียมเครื่องไม้เครื่องไม้กันยกใหญ่แล้วคุณหมอ ก็ให้เราลุกยืนเพื่อนำปากกา permanent มาวาดบนหน้าอกเรา กะระดับรอบๆอก ว่าจะวางซิลิโคนอะไรยังไง(แอบเขินหน้าอกอันน้อยนิดของเราจัง เง้อ) เมื่อวาดรอยเสร็จเรียบร้อยเราก็กลับไปนอนบนเตียงด้วยสภาพล็อคแขนขาเหมือนเดิม เพราะต้องผ่าเข้าใต้รักแร้ สักพักหมอดมยาก้อมาบอกว่า สักพักจะหลับแล้วนะคะ ทำใจสบายๆ
หมอก็เอาที่ครอบปากมาครอบไว้ เราก็แอบตกกะใจ.. ต๊ายย.. เราจะโดนวางยาแล้ววว เราจะสลบแล้วเพ้อไปไม่ทันถึง 20วิ เราก็สิ้นสติหลับสนิทมืดตื๋ดตื่อ


หลังจากนั้น เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้เลยย อ่ะค้าแต่จินตนการว่าทีมหมอ คงเชือดๆเฉือนๆกันอย่างเมามันส์แหม อยากรีเควสให้หมอถ่ายวีดีโอให้ดูจังเลย
อยากเห็นสภาพตัวเองตอนนั้นจริงๆนะ

 

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะเรียนหมอสะเลย....
สียดายเวลาที่มันผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน..รู้จักตัวเองช้าไปนิ๊ส


อ่อ.. ว่าแล้วว่าเราลืมอะไรไป...


ลืมเล่าให้เพื่อนๆฟังนะคะ ไปหนึ่งช่อตค่ะ ว่าเราฉุกคิดได้อีกหนึ่งสัปดาห์ก่อนเข้าผ่าตัดว่า วันผ่าตัดเรามันเป็นวันที่ประจำเดือนเรามาพอดี...
ทำไงดี..ผ่าตัดวันไฟแดงมาคงไม่ดีแน่ๆ  แต่หมอก็บอกว่าไม่มีผลอะไร การผ่าตัดของหมอเสียเลือดน้อยมาก ไม่ถึง 50CC ฉะนั้นการมีปจด.จะไม่มีผลค้างเคียงอะไร


 

แต่เราก็กังวลอยู่ดีค่ะ... เลยไปซื้อยาเลื่อนประจำเดือนมา ปรากฎว่า ถึงเวลาไม่กล้ากินอีก เพราะเค้าเล่าลือว่าแพ้กันเยอะ เราเลย.. ธรรมชาติทางเลือกแล้วกัน ธรรมชาติทางเลือกเราคือน้ำมะพร้าวอ่อนสดๆ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ห้าวันอย่างที่ได้รีวิวไว้ที่นีแล้วหนะคะ มันได้ผลจริงๆค่ะ หายไปเลยเจ็ดวัน

 

3.45 PM อาการคล้ายโดนผีอำรู้สึกเหมือนเบลอๆได้ยินเสียงแว่วๆๆก้องๆๆสักพักเสียงเริ่มชัดขึ้น "คุณคะ การผ่าตัดเสร็จแล้วนะคะ" (หลายรอบ)
"ได้ยินมั๊ยคะ" "ขานรับสิคะ พยักหน้าด้วยค่ะ" "เวียนหัวมั๊ยคะ" "จะอาเจียนรึปล่าวค่ะ" โอ๊ยๆๆ เสียงพยาบาลดังมากมาย ไม่พอมีตบมือข้างๆหูด้วยนะคะจะให้เราตื่นให้ได้...เราเริ่มได้ยินเสียงชัดแล้วล่ะค่ะ แต่มันลืมตาไม่ได้อยู่พักนึง สักนาทีสองนาทีมันก้อเริ่มพยักหน้าได้ ตามด้วยการลืมตาได้ เรากระประมาณความเจ็บตัวเองก่อนเลย  เอ.. ชั้นเจ็บรึปล่าวเนี่ย เหมือนรถบรรทุกสิบล้อทับจริงรึปล่าว ก้อไม่นินา ไหนกันรถบรรทุก ไม่มี๊
ก้อแค่เหมือนอึดอัดๆๆ ขยับตัวไม่ได้ แต่ไม่ปวดเลยหนิ หน่วงๆเฉยๆ เอ.. คลื่นใส้มั๊ยนี่ เอ...ก้อไม่นี่นา แล้วชั้นเป็นไรป่าวนี่... อ่อ หิวน้ำมากมาย อยากดื่มน้ำ แต่พยาบาลบอกไม่ได้ ต้องรอดูอาการไปอีกสองชั่วโมงว่ามีอาการอะไรแทรกเข้ามารึปล่าว... เราก็เลยต้องนอนนิ่งอยู่ในห้องพักฟื้นผ่าตัดอยู่สองชั่วโมง (หลับยาวววเจ้าค่ะ)

6 PM. พยาบาลมาเรียกว่าถึงเวลาย้ายกลับเข้าห้องพักผู้ป่วยแล้วคุณผ่านพ้นช่วงอันตรายจากการผ่าตัดแล้ว กลับไปพักได้เราก้ออุตส่าห์โล่งใจ... ขอบคุณคุณหมอทั้งสองคน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เรารอดมาอย่างปลอดภัยไม่ทรมาน แต่ประเดี๋ยว "นาทีร้องหวยหวน" ก็มาถึงเจ้าค่ะ
ตอนพยาบาลโยนเราเพื่อย้ายเตียง โอ๊ย ปวดดดดดดดดดสุดแสนจะบรรยาย เหมือนตัวจะขาดออกจากกัน อะไรกันนี่.. ยัยพยาบาลห้องพักฟื้น มือหนักชะมัด ยกตัวคนพักฟื้นนะ ไม่ใช่ย้ายศพ
  โกรดดดด....พยาบาลไปหนี่งดอก ที่ทำเราเจ็บสะน้ำเล็ด พอไปถึงห้องพักผู้ป่วยแล้วต้องย้ายขึ้นเตียงอีกรอบกลัวหงอไปเลยค่ะ เจ็บแบบตะกี้อีก ตายแน่...แต่โชคดี ที่บุรุษพยาบาล มือเบาขึ้นเทพ.. คราวนี้ไม่ได้เจ็บเลยสักนิด  แหม.. ยิ่งคิดมันยิ่งเคือง พยาบาลสองคนนั้น ไปโกรดแค้นใครมาถึงต้องมาลงกับเราด้วย..ฮึ่มๆๆ


พอขึ้นถึงห้องพักผู้ป่วย เพื่อนก็รีบกระวีกระวาดเข้ามาถามไถ่อาการไหวมั๊ย เจ็บมากรึปล่าว เราก็ได้แต่อมยิ้ม ยักหน้าปะหลกๆไปว่าไหวๆๆ แต่เพื่อนเรา แอบกลัวถุงเลือดที่ห้อยอยู่ข้างตัวเราตลอดเวลา ตัวสายเป็นท่อที่ต่อเข้าไปในรักแร้เราสองข้างซึ่งท่อลึกกว่าสิบเซนต์ได้ อย่างแรก..
เราก็ขอกินน้ำก่อนเลย แต่กินไม่ได้อย่างใจเพราะตัวช่วงบน จะยังขยับไม่ได้นอนนิ่งๆขยับได้ไปตามเตียงที่ปรับ  เลยกินน้ำผ่านทางหลอดได้นิดหน่อยไม่หนำใจเลย  โอ๊ก.. กลืมน้ำอึกแรก กระเทือนอกแหะ พูดก้อกระเทือนแฮะ ไม่ได้เจ็บปวดมากมายนะคะ แต่มันกระเทือนจุกๆหน่อย
     สักพักเราก็หลับไปอีก (มารู้ทีหลังว่าที่หลับเอาหลับเอานี่เพราะฤทธิ์มอร์ฟีน) มันจะทำให้มึนๆง่วงๆและหลับไป


• ไม่ใช่รูปเราหรอกนะคะ ชะ่แว่บยืมภาพชาวบ้านมาหนะคะ

ประมาณเกือบหนึ่งทุ่ม คุณหมอพีก็แวะขึ้นมาเยี่ยมดูอาการ หมอน่ารักมากมาย ชมเหมือนเด็กๆว่าเราเก่งมาก ยิ้มยังหวานใช่ได้ (เอิ๊ก) ทานน้ำก้อไหว ไม่อาการข้างเคียงอะไร หมอก้อแตะบ่าเบาๆ ว่าคืนนี้ปวดก้อเรียกพยาบาลได้ตลอดนะถ้ามีอะไรด่วนหมอจะรีบมา แล้วหมอก้อให้ทานข้าวได้ปกติเพราะเราไม่มีอาการคลื่นใส้อย่างที่กลัวเลย  ยกนิ้วให้หมอเลยและสาธุกับบุญกุศลที่ทำไว้ เราเลยไม่เป็นอะไรมาก คืนนั้นก้อเรียกพยาบาลตอนเที่ยงคืน มาฉีดยา แล้วก็อีกรอบตอน หกโมงเช้า  ยาฉีดที่ว่านี้คือ มอร์ฟีน ได้ปั๊ปก้อหลับปุ๊ป  แล้วช่วงห้านาทีแรกก็จะแสบเส้นเลือดรับรู้ได้เลยว่ายาวิ่งปรี้ดๆๆๆ  พยาบาลเองก้อต้องมาเช็คความดันทุก 15 นาทีเป็นเวลาสองชั่วโมง  เพื่อเป็นการคอยตามดูอาการว่าร่างกายมีปฏิกิริยากับยาอย่างไรบ้างหลังจากที่ฉีดเข้าไป พยาบาลก็แสนดี กลัวเราเจ็บ เลยวัดความดันที่น่องแทนต้นแขนเพราะช่วงบนยกไม่ได้หนะคะ ยกแล้วมันสะเทือนถึงกันหม๊ด  คืนแรกผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ.... :)


DAY 2 พยาบาลมาปลุกให้ทานยาก่อนอาหารหนึ่งเม็ด แล้วก้อเช็ดตัวให้ เอาอุปกรณ์มาให้แปรงฟัน ล้างหน้าบนเตียง แต่เรายังลุกเข้าห้องน้ำไม่ได้เลยต้องใช้ กระโถนเหล็กไป ช่วงล่างมันขยับได้สบายเลยไม่มีปัญหาอะไร
พอปะแป้ง เช็ดตัวเรียบร้อยก้อทานข้าวต้มเพื่อนเลิฟก้อป้อนข้าวต้มทั้งที่เราทำเองได้นะ แต่อยากช่วยก้อเอ้า ป้อนก้อป้อน ต่อด้วยรังนก (แผลจะได้สมานไวๆ)

9 AM. คุณหมอขึ้นมาเยี่ยมตรวจดูอาการ เช็คความเรียบร้อยคุณหมอบอกว่า เราพร้อมกลับบ้านได้เลย เพราะไม่มีอาการข้างเคียงอะไร ร่างกายตอบสนองกับยาดี แล้วหมอก้อดันหลังให้เราลองลุกนั่งอูย.. จุกนิดนึง หมอบอกว่านี่จะเป็นอาการเราไปอีกสัปดาห์นึงคือ เมื่อเรานอนลงไป เราจะลุกนั่งขึ้นเองไม่ได้ มันจะหน่วงและเกร็งจะต้องมีคนช่วยดันหลังให้ลุกและประคองตอนนอน แต่ช่วงเดินเหิร จะปกติดีค่ะ (แอบบอก วันนี้คุณหมอห๊อม หอม ใช้น้ำหอมอะไรหนอ)

แล้วหมอก็พันผ้าที่อกออกให้เราดูเป็นครั้งแรก โอ้โห.. ลูกแตงโมหรอนี่... จากแบนราบ.. ซิลิโคนมันช่วยได้จริงๆ แต่หมอบอกว่าเราอย่าเพิ่งตกใจไปเพราะ ตอนนี้ยังบวมอยู่ จะดูใหญ่กว่าปกติเด๋วมันจะยุบลงไปอีก 30%  โอ้.. ไม่ยุบก้อได้นะ เราชอบ.. :)  แล้วหมอก้อสอนวิธีการพันผ้า เพราะต้องทนพันผ้าไปเจ็ดวัน

ต่อมาก้อถึงนาทีโหด.. ที่ร่ำลือกัน.. คือตอนเอาท่อสิบเซ็นต์ออก จากรักแร้สองข้าง.. หมอลงมือดึงออกเองอย่าปราณีต ไม่เจ็บเลยค่ะ ไม่ทันได้รู้สึก ได้แต่กลิ่นน้ำหอม ห๊อม หอม อิอิ อาจเป็นเพราะว่า เราเพิ่งได้มอร์ฟีนไปตอนหกโมงด้วยหนะคะ



 
หลังจากนั้น คุณหมอก้อสั่งยาให้เรา
1. ยาแก้อักเสบเจ็ดวัน (วันละสี่เม็ด)
2. ยาแก้ปวดพิเศษ (ทานเช้าเม็ดเดียว)
ยาแก้ปวดพาราธรรมดา ที่ทานได้ทุก 4-6 ชั่วโมงถ้าปวด
3. ยานอนหลับ (ก่อนนอน) สามวัน

แล้วเราก้อนั่งนอนพักผ่อนอีกสองสามชั่วโมง แล้วก้อเช็คเอ้าท์ ตอนบ่ายโมงเพื่อกลับบ้านค่า ตอนนี้เราเป็นปีใหม่ไปแล้วค้า :)

กลับมาบ้าน... คราวนี้ก้อนาทีระทึกพอๆกับตอนเข้าห้องผ่าตัด...เพราะเรายังไม่ได้บอกที่บ้านเรื่องที่เราไปผ่าตัด แค่เปรยๆไว้ให้ฟังหลายปีว่าวันนึงเราจะไปทำนะ ที่บ้านคงตกใจว่าเอ้ย ทำไม ไปทำมาตอนไหน...เค้านิ่งไปพักนึง อึ้งกันไป... ที่เราสารภาพว่าเราไปทำมาหน้าอกมา แล้วเราก็เดินนิ่มๆๆขึ้นบันไดไปเข้าห้องนอน แล้วคุณแม่คุณพ่อสุดแสนประเสริฐของเราก็ไม่ว่าอะไร ดูแลเราอย่างดี หาข้าวปลาอาหาร หยูกยา จัดที่นอน ชาร์ทแบตโทรสับเผื่อเราจะเรียกใครในบ้าน...
โอ้ว.. สาธุ ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีจนได้



 

DAY 2 - DAY 8 ตอนนี้ขอเล่าคร่าวๆนะคะ เพราะอาการคล้ายกันทุกวัน
1. ลุกนั่งเองไม่ได้เลยย ต้องมีคนพยุงตลอด ฉะนั้นต้องมีโทรสับใส่เป๋าไว้ตลอด  หลังจากนอนนานๆ หน้าอกจะตึงแข็งมาก ต้องนั่งสักพัก
ให้มันคลาย
2. ใส่เสื้อกระดุมหน้าได้เท่านั้น เพราะแขนจะยกขึ้นไม่ได้เลย ใส่เสื้อผ้าจากล่างขึ้นบนเอา
3. เดินเหินได้ปกติ แต่รู้สึกเหมือนต้องจับอกเพื่อพยุงน้ำหนักไม่จับก็ได้แต่มันเหมือนติด จับไว้กลัวร่วงหายไป (อิอิ)
4. อาบน้ำช่วงบนไม่ได้ เช็ดตัวอย่างเดียว แผลรักแร้ห้ามโดนน้ำ เด็ดขาด
5. เราหายใจไม่สุด ประมาณเจ็ดวัน ตอนนี้เราเป็นปกติแล้ว
6. มีเสียวรำคาญบ้างเป็นบางครั้ง แต่แค่รำคาญๆๆ

อืม.. เราเอาภาพก่อนหลังของคนอื่นมาให้ดูอีกตามเคยนะคะ คือของเราก็คล้ายแบบนี้แหละค่ะก่อนทำ แต่หลังทำใหญ่กว่าค่า


เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเพิ่งไปพบคุณหมอมาเพื่อเช็คผลในรอบหนึ่งสัปดาห์... แล้วก็นำของไปไหว้เจ้าที่โรงพยาบาลอีกครั้ง คุณหมอว่าหน้าอกเรายังบวมอยู่ ต้องรออีกสักพักกว่าจะบวมจะลด.. ตอนนี้ไม่ต้องพันผ้าแล้ว ให้ซื้อบรา sport สักคับ C ไว้ได้เลยให้ใส่ sport ไปก่อนหนึ่งเดือน หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที แล้วก้อสอนท่านวด ตอนอาบน้ำให้อกนิ่มและคล้อยตัวเป็นธรรมชาติให้ไว หมอแนะว่าให้นวดเป็นกิจวัตรเวลาอาบน้ำทุกวัน

อีกหนึ่งเดือน... ค่อยมาพบหมออีกครั้งค่ะ.. เพื่อเช็คความเรียบร้อย

 
ลืมบอกเพื่อนๆไป.. เรามีเรื่องช็อคจากการผ่าครั้งนี้เล็กน้อยค่ะ
คือตอนก่อนทำหน้าอกเราหนัก 55 แต่หลังทำเราหนัก 60
น่ากัวมั๊ยค่ะ... คุณหมอบอกว่า นี่คือผลข้างเคียงของยาฉีดแก้ปวดที่ร่างกายเราเป็นคือเราจะบวมน้ำมาก เด๋วสักพักน้ำหนักเราจะปกติได้เอง แอบตกใจแรกๆ.. แต่ตอนนี้โอเคแล้วค่ะ..
เด๋วออกกำลังกายเยอะๆก้อคงลงเอง

    
ขอสรุปนะคะ... ว่า ณ ตอนนี้  ขีดความพอใจของเรา มันอยู่ที่ very highly satisfied กับฝีมือและบริการของคุณหมอพีระ และทีมพยาบาล
(ยกเว้น 2คนนั้นซึ่งเราอโหสิให้แล้วล่ะ)การผ่าตัดเราผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เราไม่ทรมานอะไรแต่อย่างใด ได้รับแต่ความพึงพอใจค่ะ...
เราได้เนินอกมาอย่างที่ต้องการและ หน้าอกก้อไม่ห่างมากอยู่ในระดับที่พอใจค่ะ เรารู้ว่าหน้าอกเราชิดไม่ได้เพราะของเดิมเราไม่อำนวยหนะคะ
แต่บางคนทำกับหมอก้อชิดมากนะคะ
แล้วก้อขอบคุณเพื่อนในห้องแป้งทุกคนนะ ที่คอยให้กำลังใจตลอดการโพสต์ของเราในวันนี้ ถ้ามีอะไรอยากถามก็ยินดีตอบทุกคำถามนะคะ  ...ขอให้บุญรักษากันทุกทั่วหน้าทุกคนนะค้า...


CAUTION :  แวะมาบอกเพื่อนๆที่สนใจจะทำกันอีกนิดนะคะ คือ อาการหลังจากทำหน้าอก บางคนจะมีอาการชาที่ nipple อาจข้างเดียวหรือทั้งสองข้างบางรายอาจชาเพียงไม่กี่เดือนก็หายไป แต่บางรายอาจมีอาการชาถาวรเรียกว่าความรู้สึกตรงส่วนนั้นอาจจะหายไปเลย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าการผ่าตัดพลาดไปตัดโดนปลายประสาทมากน้อยแค่ไหน เราเอง ณ ตอนนี้ยังไม่มีอาการชาแต่อย่างใดก็คิดว่าจะน่าไม่มีแล้วนะ แต่ก็ยังไม่แน่นอนเพราะเพิ่งเข้าวันที่ 9 อาการที่มีบ้างๆคือแปล๊บๆให้พอรำคาญใจ กับนับว่า โชคดีที่สุดแล้วกับอาการข้างเคียงเพียงเท่านี้

แล้วก็ที่บางคนเม้นกลับมาว่า.. อืม ฟังดูไม่เจ็บเลย น่าทำยังไง.. อยากบอกว่าก่อนทำก็ตัดสินใจกันดีๆนะคะ แล้วก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะตามมาด้วยค่ะ เพราะการผ่าตัดก็คือความเสี่ยงอยู่ดี.. ก็จริงอยู่นะคะ ว่าการเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญความเสี่ยงก็น้อยลงมากแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับร่างกายของเราเป็นหลักด้วยนะคะว่าตอบสนองกับยาอย่างไร มีบางเคสที่หมอเคยเล่า ว่าเค้าแพ้ยารุนแรงบ้างแพ้ยาสลบมากบ้าง แต่หมอก็แก้ตามอาการแต่ละคนไปแต่ละเคสก็จะแสดงเอฟเฟคต่างๆกันออกไปนะคะ มากบ้าง น้อยบ้างแก้ไขได้หมดแต่อาจต้องผ่านความเจ็บปวดต่างกันออกไป

แต่เรายังโชคดีหน่อยที่ร่างกายไม่ต่อต้านยาอะไรเลยเพียงแต่น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากเพราะบวมน้ำ..สำหรับคนที่ถามว่า..ต้องคอยไปแก้เอาออกอีกมั๊ย คือจริงๆแล้วซิลิโคนสามารถอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิตแต่เค้าก็จะคล้อยตามกาลเวลาหากเราไม่ดูแลเค้าให้อยู่ในรูปทรง

แล้วการผ่าตัดเอาซิลิโคนออกหมอจะทำให้เมื่อ ช่วงอกเกิดอุบัติการและได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงเท่านั้น จนเกิดการแตกและรั่วซึมของซิลิโคนจนทำให้เต้านมแข็งการนำซิลิโคนออกก็เป็นสิ่งที่คุณหมอทำได้โดยไม่ยากลำบากอะไรแต่หมอจะไม่ผ่าออกแน่นอนหากไม่มีการแตกหรือฉีกขาดหมอจะมีเครื่องมือในการตรวจสอบการรั่วซึมโดยเฉพาะค่ะ

UPDATE KA: (จขกท.เอง)


วันนี้ชะแว่บหายตัวจากหน้าจอ ไปสอยบรามาใหม่มาใส่ไปพลางๆหนะคะ แล้วเราก็ต้องตกกะใจกับ size ใหม่ของเราเป็นอย่างยิ่ง จากเมื่อก่อนต้องพึ่งพาพองน้ำขนาดยักษ์ใหญ่ตลอดอย่างจำพวก doom doom แต่ขนาดบราก่อนหน้านี้เราใส่ A75 ยังไม่ค่อยอยากจะเต็มเล้ย (กลุ้มใจ) อาศัยแต่ฟองน้ำมาโดยตลอด ให้ดูตุ้มขึ้นมาอีกนิด

แต่วันนี้เราไม่ต้องพึ่งใบบุญฟองน้ำอีกแล้วค่า ทั้งยังได้ความรู้ใหม่ในการเลือกขนาดบรา จากขนาดเต้าที่เปลี่ยนไปของเรา
ว่าจริงๆแล้วขนาดของแต่ละ CUP (A-B-C-D-E) มันไม่เที่ยงนะคะ เราจะมาเทียบขนาดความใหญ่ของเต้าจาก CUP อย่างเดียวไม่ได้เพราะเต้ามันจะแปรผกผันกับขนาดรอบตัว
(70-75-80) หนะคะ


พนักงาน Walco วัดใต้อกเราได้ 32 นิ้ว ฉะนั้นจะต้องเลือกใส่ขนาดรอบตัว 70 จึงจะเหมาะสมกับใต้อกแล้ว CUP ที่พอดีกับเราคือคับ E ค่ะ E70 (แม่เจ้า..จาก A เป็น E) แต่เราอึดอัดหนะคะ เพราะมันพอดีตัวเกินไป  เลยขอลองเป็นรอบตัว 75 อีกขนาด พอลองรอบ 75 คับก็จะลดลงไปหนึ่ง size เป็น D ก้อเลยได้อีกหนึ่งช้อยเป็น D75 แต่ถ้าอยากหายใจหลวมๆเบาๆสบายๆ ก็รอบตัว 80 แต่จะได้เป็นคับ B (อันนี้เล็กลงข้าม size C ไป)

แต่สรุปแล้วเราสามารถเลือกใส่ได้ตั้งแต่ E70, D75, B80 แต่เพื่อเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลเราเลือก D75 มาสองตัวแบบไม่มีโครงเหล็ก เป็นบราเบาๆเพื่อกระชับเท่านั้น ใส่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนไปก่อนเพราะคุณหมอบอกว่า หลังหนึ่งเดือนไปแล้วเราจึงจะได้ขนาดอกที่แน่นอนคะ
เพราะตอนนี้อกยังมีความบวมอยู่ 30% (บวมแต่ไม่เจ็บอย่างที่หลายคนเป็นห่วงนะคะ)

แต่ขอเหอะเนอะ.. ขอให้มันยุบน้อยๆเถอะๆอย่าเล็กว่า C เลย :)

ถ้าไม่เกรงว่าจะเป็นการอนาจาร จะลงภาพตัวเอง พร้อมบราตัวใหม่ให้ได้ชมกันเลยค่ะแต่ อิอิ เพื่อสวัสดิภาพทางสายตาของทุกคน..
เอาแค่รูปบราตัวใหม่ไปชมกันก่อนนะค้า


UPDATE 2 : เห็นเพื่อนๆเป็นห่วงเรื่องการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดหน้ากันเราเลยขออนุญาตนำข้อมูลจากเวบคลินิกบางกอกศัลยกรรมมาบอกต่อเราต้องให้เครดิตเวบนี้มากๆ เนื่องจากเป็นแหล่งข้อมูลเบื้องต้นในการศึกษาหาข้อมูลของเราเลยล่ะคะ ในลิงค์มี Flash ให้ดูวิธีการนวดหน้าอกหลังจากผ่าตัดด้วยนะคะ http://www.bcsclinic.com/service/breast_aug/breast_aug.html

อีกลิงค์เด็ดๆและนวดโหดๆเป็นของทางเมืองนอกนะคะ เป็นวีดีโอคลิปแนะนำสำหรับการนวดเช่นกันค่ะ
http://www.womensplasticsurgery.com/video_massage-aug.html

เด๋วข้างล่างจะมีภาพประกอบการนวดให้ดูอีกค่ะ

ส่วนขั้นตอนการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดมีดังต่อไปนี้นะคะ
(เรานำมาปรับกับของที่คุณหมอพีระแนะนำนะคะ)
1. วันแรกหลังผ่าตัด แพทย์จะเอาสายระบายน้ำเหลืองออกแล้วคลายผ้าพันแผลให้หลวม
2. วันที่ 7 หลังผ่าตัด ให้ถอดผ้าพันออก แล้วเปิดแผลทั้ง 2 ข้าง แล้วใส่ชุดชั้นในแบบ Sport Bar หรือไม่มีโครง
3. สามารถอาบน้ำถูสบู่ถูกแผลได้หลัง 7 วัน
4. ควรใส่บราทั้งกลางวันและกลางคืนในช่วงอาทิตย์แรก
5. ไม่ควรยกของหนัก หรือออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อหน้าอก ประมาณ 2 อาทิตย์
6. อาทิตย์ที่ 2 เริ่มทำการนวดเต้านม วันละ 10 - 15 นาที อย่างน้อย 2 หน ขณะอาบน้ำต่อวัน
7. ควรนวดคลึงเต้านมบ่อยๆ อย่างน้อย 6 เดือน เพื่อป้องกันปัญหาโพรงที่ใส่ถุงนมมีการหดรัด รอบถุง ทำให้เต้านมแข็ง หดเป็นก้อน
8. ถ้าจะตั้งครรภ์ควรรอ 6 เดือน

ตอนนี้เพื่อนๆไม่ต้องเป็นห่วงเรากันแล้วนะคะ อาการเราวันนี้วันที่ 12 สบายเป็นปกติทุกอย่างแล้วค่ะ เราสามารถลุกนั่งได้เองแล้ว (เย้ๆๆ)
ขับรถได้ หิ้วของเบาๆได้ มีแค่อาการแปล็บๆน้อยมากในแต่ละวัน (รำคาญเหมือนยุงกัด)อาบน้ำได้ปกติ แผลโดนน้ำได้แล้ว แต่ยังยกแขนได้ไม่สุดหนะคะ ได้แค่ 90 องศา (ตั้งฉากกับหัวไหล่)มากสุดเกร็งๆได้ที่ 120 องศาอ่ะคะ ตอนนี้ก้อต้องขยันนวดต่อไปค่ะ เพื่อให้หน้าอกนิ่มเป็นธรรมชาติกันต่อไปค้า :)

แผนการต่อไปของเราคือลดน้ำหนักให้สะโอดสะโองลงสักนิดค่ะ อย่าลืมไปแวะชมวีดีโอนวดกันนะคะ...อีกนิดนึงนะคะ.. สำหรับคนที่กังวลว่าจะเกิดมะเร็งเต้านมจากการเสริมหน้าอก ตอนนี้ผลการแพทย์ยืนยันชัดเจนแล้วนะคะว่าการเสริมหน้าอกไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับการเกิดมะเร็งเต้านมแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถละเลยการตรวจเต้านมไปนะคะเพราะว่าความเสี่ยงก็เท่ากับผู้หญิงปกติทั่วไปแหละค่ะคนเสริมหน้าอก เวลาตรวจเต้านมต้องแจ้งกับทางแพทย์ก่อนนะคะ เพราะวิธีการตรวจเต้านมจะต่างจากการตรวจเต้านมปกติค่ะ

แต่ผลการวิจัยทางตปท.ชี้ให้เห็นว่าคนที่ทำหน้าอกจะมีแนวโน้มของการเกิดภาวะ depression หรือถึงขึ้นฆ่าตัวตายได้มากกว่าคนปกติ อันนี้ขอแทรกความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ  คิดว่ามันน่าจะมาจากความไม่รู้จักพอและอาการทำใจไม่ได้ ของญ ฝรั่งหนะคะ ถ้าเป็นญไทยที่มีธรรมะในหัวใจ น่าจะปล่อยวางตรงนี้ได้มากกว่าไม่ยึดติดเหนียวหนิบเหมือนพวกฝรั่งมังค่าหรอกค่ะ

เพราะสัจธรรมของธรรมชาติมันชัดเจน ว่าวันนึงย่อมต้องร่วงโรยไปตามกาลเวลาอนิจจา วัตตะ สังขารา (สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง) เราแค่อาศัยกายอยู่ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 100 ปีหรอกค่ะสุดท้ายสิ่งที่ได้ไป คือดวงจิต เราต่างหากถึงช่วงบั้นปลายถ้ามัวแต่ห่วงสังขาร มันก้อคงน่าสังเวชใจค่ะ ถึงตอนนั้น ห่วงจิตของเราดีกว่า ว่าจะไปที่สูงหรือต่ำ(อันที่จริงควรเริ่มตั้งแต่ ณ บัด นาวค่ะ)

โอ้ย เทศนารอบดึก เด๋วจะหลับกันหมดสะก่อน..งั้นวันนี้ขอลาแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ

Create Date : 12 มิถุนายน 2551


Copyright 2012-2017 All right reserved. www.breastgossip.net แหล่งรวบรวมประสบการณ์จริงการผ่าตัดเสริมหน้าอก พูดคุยกับนักกายภาพบำบัด แก้ไขปัญหาคาใจเรื่องเต้านม และทุกเรื่องนมๆ
Engine by MAKEWEBEASY